ปืนโต หลังจากออกสตาร์ตได้อย่างร้อนแรงในฤดูกาล 2022-23 อาจไปไม่ถึงแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างที่คาดหวังเสียแล้ว

แต่ก็เป็นฤดูกาลที่มีพัฒนาการอย่างน่าทึ่ง เป็นทีมพลังหนุ่มแห่งอนาคตอย่างแท้จริง ยุครุ่งเรืองของ “ปืนโต” ก็ต้องยกให้กับยุคของ อาร์แซน เวนเกอร์ เป็นผู้จัดการทีม โดยมีการยกย่องว่าทีมในฤดูกาล 2003-04 เป็นทีมที่ดีที่สุดด้วยสถิติไม่แพ้ใครตลอดฤดูกาล และกุนซือชาวฝรั่งเศสก็ยอมรับว่าฤดูกาลนั้นเป็นสิ่งที่สุดยอดมาก
เวนเกอร์เขียนไว้ในคำนำของหนังสือ “Invincible” เล่าว่า การเห็นทีมไม่แพ้ใครทั้งฤดูกาลเป็นความฝันของเขาเสมอมา เนื่องจากทัศนคติส่วนตัวมองว่าการทำงานของตัวเองแบบเต็มกำลังที่สุดในทุกนัด บางทีการได้แชมป์อาจเป็นความสำเร็จแล้ว แต่ยังไม่ถือว่าเติมเต็มสุดสุด เนื่องจากมีความสำเร็จในเพดานสูงสุดมากกว่านั้น นั่นคือการสร้างสถิติแรกในอังกฤษด้วยการเป็นแชมป์ไม่แพ้ใครตลอดฤดูกาล และบางทีอาจจะเป็นครั้งเดียวที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์สโมสรอีกด้วย
และถอยหลังไปก่อนหน้านั้น อาร์เซนอล ได้ดับเบิลแชมป์ในการคุมทีมของเวนเกอร์เป็นครั้งแรกเมื่อฤดูกาล 1997-98 แต่แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงครั้งเดียว อาร์เซนอลได้ดับเบิลแชมป์อีกครั้งในฤดูกาล 2001-02 ก็น่าจดจำด้วยเช่นกัน
ฤดูกาลนั้นมีความเปลี่ยนผ่านหลายอย่างเกิดขึ้นในสโมสร ในตำแหน่งแบ็กซ้าย ซิลวินโญ แบ็กจอมบุกชาวบราซิลย้ายไปเซลตา ปิโก้ และถูกแทนที่ด้วย แอชลีย์ โคล ส่วนในแนวรับทั้ง โทนี่ อดัมส์ และ ลี ดิ๊กซั่น สภาพโรยราลงไปและได้ โลร็อง กับ โซล แคมพ์เบลล์ มาจากสเปอร์สก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทน
พอถึงเดือน ก.พ. เวนเกอร์ซื้อ โคโล่ ตูเร่ มาเสริมแนวรับโดยมีค่าตัวเพียง 150,000 ปอนด์ ถ้าเป็นกุนซือคนอื่นความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้น่าจะส่งผลกระทบกับทีมอย่างรุนแรง แต่ไม่ใช่กับเวนเกอร์ที่สามารถหลอมรวมระหว่าง “ใหม่” กับ “เก่า” ได้อย่างลงตัว
แน่นอนว่าการซื้อไม่ได้ประสบความสำเร็จไปเสียทุกดีล การจ่ายเงิน 10 ล้านปอนด์คว้าตัวฟรานซิส เจฟเฟอร์ส กลายเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า เช่นเดียวกับผู้รักษาประตูอย่างริชาร์ด ไรต์ “ปืนโต” จบฤดูกาล 2001-02 ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครอง โดยเก็บไปได้ทั้งหมด 87 แต้มจาก 38 นัด มีแต้มทิ้งห่างทีมอันดับ 2 อย่างลิเวอร์พูล 8 แต้ม นอกจากนั้นยังคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ด้วยการเอาชนะเชลซี 2-0 ประตูในนัดชิงชนะเลิศ

เดนนิส เบิร์กแคมป์ ยังสร้างชื่อในฤดูกาลด้วยลูกยิงสุดอัศจรรย์ในเกมเจอกับนิวคาสเซิล ด้วยการดูดบอลจากการจ่ายของ โรแบร์ ปิแรส แล้วพาบอลพลิกหนีตัวประกอบในกรอบเขตโทษก่อนยิงเข้าไปอย่างเยือกเย็น เป็นการยิงที่เรียบง่ายแต่แพรวพราวด้วยศิลปะลูกหนัง และยังไม่มีใครลืมลูกยิงนี้
นอกจากนั้นดาวเด่นของทีมยังมีมากมายหลายคนไม่ใช่แค่เบิร์กแคมป์เท่านั้น เธียร์รี อองรี,โรแบร์ ปิแรส และ เฟรดริก ลุงเบิร์ก ก็ท็อปฟอร์มด้วยเช่นกัน อองรี จบฤดูกาลด้วยการด้วยการยิง 24 ประตูในพรีเมียร์ลีกและคว้ารองเท้าทองคำ ส่วนปิแรสทำได้ 15 แอสซิสต์และได้รับเลือกเป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี
ส่วนลุงเบิร์กยิงได้ 12 ประตูจากการลงเล่น 25 เกม และได้รับเลือกเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก ด้วยเหตุผลมากมาย อาร์เซนอลในฤดูกาล 2001-02 จึงยอดเยี่ยมอย่างไร้ข้อกังขา