เอล ฮัดจิ ดิยุฟ (Diouf) ตราบาปที่ตามหลอกหลอนแฟนบอลลิเวอร์พูล

El Hadji Diouf

เป็นหนึ่งในนักเตะ ที่เป็นหนึ่งเดียว สำหรับแฟนบอล ลิเวอร์พูล ที่พวกเขา ไม่ให้การยอมรับ หรือถ้าให้แฟนบอลลิเวอร์พูล 1 คนพูดถึงชื่อของ เอล ฮัดจิ ดิยุฟ เขาอาจจะบอกว่า นักเตะรายนี้ไม่เหมาะสม ที่จะสวมเครื่องแบบ ที่มีโลโก้สโมสรด้วยซ้ำ เพราะนับตั้งแต่ ที่ย้ายเข้าสู่แอนฟิลด์ พฤติกรรม พร้อมกับผลงาน ของดาวเตะชาวเซเนกัล แทบจะไม่ทำให้แฟนบอล “หงส์แดง” นึกถึงเลยแม้แต่น้อย

แต่ถ้าหากจะพูดถึง วีรกรรม หรือว่าความถ่อย ไม่ว่าจะอยู่ในช่วง ของการสวมเครื่องแบบ ให้กับลิเวอร์พูล รวมถึงบทสัมภาษณ์ กับการพ่นน้ำลาย กล่าวโจมตีสโมสรเก่า นั่นคือสิ่งที่แฟนบอลนึกถึงรูปลักษณ์ของ กองหน้าชาวเซเนกัลมากกว่า เพราะตลอดระยะเวลา ที่เล่นให้กับสโมสร ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เอล ฮัดจิ ดิยุฟ แทบจะไม่มีผลงาน มีแต่เรื่องราวอื้อฉาว และในปัจจุบันนี้ ก็ยังคงกล่าวโจมตีถึงลิเวอร์พูล อย่างต่อเนื่อง

สำหรับสถานะของ Diouf ถ้าหากพูดถึง ในตอนนี้ แฟนบอลลิเวอร์พูล คงมองถึงว่า ตัวเขาเอง เป็นนักเตะที่ใช้น้ำลาย สร้างผลงานตัวเอง มากกว่าเรื่องของฝีเท้า เพราะตลอดระยะเวลาที่อยู่ทีมลิเวอร์พูล กับการเซ็นสัญญาเข้าร่วมทีม Diouf ลงสนามไปทั้งหมด 79 นัด ตลอด 3 ฤดูกาล และยิงไปได้เพียงแค่ 6 ประตู ซึ่งนั่นคงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่แฟนบอลจะมอง ถึงศักยภาพของตัวเขาเอง ว่าไม่มีความเหมาะสม ในเรื่องของฝีเท้า

เอล ฮัดจิ ดิยุฟ

เพราะการเซ็นสัญญา ตลอดระยะเวลา 3 ปีกองหน้ารายนี้ นอกจากจะไม่สร้างความสัมพันธ์ กับเพื่อนร่วมทีม และมีปัญหากับ นักเตะหลายราย โดยเฉพาะกับ Gerrard ก็ยิ่งทำให้แฟนบอล รู้สึกไม่พอใจ อีกทั้งผลงาน ยังไม่เหมาะสม กับผู้เล่นที่สวมเครื่องแบบของ ลิเวอร์พูล และยังใส่หมายเลข 9 นั่นเป็นตำแหน่ง กองหน้าตัวเป้า ที่จากอดีต จนถึงปัจจุบัน หมายเลขนี้ ก็ยังคงเป็นดาวยิง ที่มีมนต์ขลัง แต่ไม่ใช่สำหรับ Diouf เพราะภาพรวมแล้ว นักเตะรายนี้ แฟนบอลลิเวอร์พูล แทบจะไม่อยากจดจำ หรือว่ายกชื่อขึ้นมาพูดถึง

ในแต่ละสโมสร จะมีความผิดพลาด ในการขายนักเตะออกจากทีม หรือแม้กระทั่ง ซื้อนักเตะเข้ามาเสริมทัพ และไม่สามารถทำงาน ได้ตามวัตถุประสงค์เป้าหมาย กับการเล่นในตำแหน่งต่าง ๆ แต่ก็ไม่เห็นมีทีมไหน ที่จะออกมายอมรับว่า เป็นตราบาปของพวกเขาเอง นอกจากนักเตะลิเวอร์พูล รวมถึงแฟนบอล และสโมสรก็ออกมายอมรับ ว่าการเซ็นสัญญา Diouf กองหน้าชาวเซเนกัลเข้ามาร่วมทีมในปี 2002 คือตราบาป ของสโมสรที่แท้จริง เพราะตลอดระยะเวลา ที่กองหน้ารายนี้อยู่ร่วมทีม พฤติกรรมกับการถ่มน้ำลาย เป็นสิ่งที่แฟนบอลทั่วโลก ไม่ยอมรับอยู่แล้ว โดยเฉพาะในเกมที่พบกับ เซลติก ของหน้าชาวเซเนกัล ก็ได้ถ่มน้ำลายใส่ กับบอลฝั่งตรงข้าม จนถึงขั้นต้องเข้าให้ปากคำ และถูกปรับ

หรือแม้กระทั่งสิ่งแรก ที่เขาก้าวเข้าสู่สโมสรที่ยิ่งใหญ่อย่างลิเวอร์พูล ข่าวฉาวกับเรื่องราวการทะเลาะ ของนักเตะเป็นเรื่องปกติ แต่ Diouf เขาเลือกที่จะประกาศสงครามกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ซึ่งในตอนนั้นทุกคนก็รู้ดีอยู่แล้ว ว่าไอคอนของสโมสรแห่งนี้คือ ผู้เล่นหมายเลข 4 ที่เติบโตมาจากชุดเยาวชน และทุ่มเทให้กับสโมสรแห่งนี้มาโดยตลอด แต่สำหรับกองหน้ารายใหม่ ที่ย้ายเข้ามาเลือกที่จะมีปัญหา จนกระทั่งออกมาให้สัมภาษณ์ ในช่วงที่เป็นนักเตะลิเวอร์พูลด้วยกัน จนทำให้สภาพทีมสั่นคลอน

สตีเว่น เจอร์ราร์ด

ย้อนกลับไป ในช่วงปี 2002 แน่นอนว่า ไม่มีใครไม่รู้จัก ชื่อของ Diouf แน่นอน เพราะว่าเจ้าตัวคือ Man of the match  ในเกมแข่งขันฟุตบอลโลก ที่จัดขึ้นที่เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพ และในเกมเปิดสนาม เซเนกัล ก็ชนะ ฝรั่งเศส 1-0 และก็เป็นชื่อของตัวเขาเอง ที่อยู่บนสกอร์บอร์ด หรือเรียกได้ว่า ฟอร์มอยู่ในช่วงของดาวเด่นของ Tournament ฟุตบอลโลกก็ว่าได้ จนกระทั่ง ย้ายกลับมาสู่สโมสร น็อง ของ ลีกเอิง ฝรั่งเศส ผลงานของตัวเขาเอง ก็ยิงประตูได้มากกว่า 10 ลูกต่อฤดูกาล นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ลิเวอร์พูลจะตัดสินใจ เซ็นสัญญาซื้อกองหน้า ชาวเซเนกัลเข้ามาร่วมทัพ แต่นั่นก็คือ ความผิดหวัง และความผิดพลาด อาจจะไม่ใช่ด้วยเรื่องฝีเท้า แต่อาจจะเป็นที่นิสัยส่วนตัว ของกองหน้ารายนี้ ที่มีวิสัยทัศน์ย่ำแย่ต่อสโมสร

และถึงแม้ว่า ตัวเขาเองจะย้ายออก จากสโมสรลิเวอร์พูล ในปี 2005 หลังจากที่อยู่ร่วมทัพมา 3 ฤดูกาล แต่ทุกครั้งที่ Diouf ได้ให้สัมภาษณ์ถึงสโมสรเก่า และที่ฐานแฟนบอลจากทั่วโลก คำชมไม่เคยออกจากปาก ชายคนนี้เลยแม้แต่น้อย เขาพยายามที่จะพูดดูถูก สโมสรลิเวอร์พูล และบอกตลอดว่าสโมสรแห่งนี้ แทบจะไม่มีโอกาสคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ของ อังกฤษ เพราะด้วยสภาพทีมที่ไม่มีความพร้อม แต่ด้วยความเป็นจริงแล้วลิเวอร์พูล คือทีมที่อยู่อันดับ 2 ของตารางในช่วงที่เขาให้สัมภาษณ์ในปี 2016 กับรายการกีฬาชื่อดัง ในประเทศฝรั่งเศส

หรือแม้กระทั่งในปี 2019 ที่ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ของ อังกฤษ หลังจากที่รอคอยมา 30 ปี การให้สัมภาษณ์ของ Diouf ก็ยังบอกอีกว่า “อย่าเพิ่งดีใจ เพราะว่าเกมแข่งขันยังไม่จบ” นั่นยิ่งทำให้แฟนบอลลิเวอร์พูลรู้สึกเกลียดตัวเขาเพิ่มมากขึ้น และถึงแม้ว่าในปีนั้นเชื้อ โควิด-19 จะแพร่ระบาดอย่างหนัก แต่ทว่าลิเวอร์พูลก็ได้รับสิทธิ์เพราะว่าทำคะแนนทิ้งห่างทิ้งอันดับ 2 พวกเขาจึงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จในรอบ 30 ปี แต่ทางกองหน้าชาวเซเนกัลก็ยังออกมาให้สัมภาษณ์เป็นรอบที่ 2 บอกว่า “ถ้าหากไม่มีสถานการณ์เชื้อร้ายที่แพร่ระบาดทั่วโลก ลิเวอร์พูลคงไม่สามารถที่จะเป็นแชมป์ได้” 

Scroll to Top