ในช่วงปลายเดือนมี.ค.นี้ฟุตบอลลีกของชาติต่างๆ จะหลีกทางให้กับการแข่งขันของทีมชาติต่างๆ ในช่วง ฟีฟ่าเดย์ และทีมชาติไทยรวมถึง ธีรศิลป์ เองก็มีโปรแกรมเตะในช่วงฟีฟาเดย์ด้วยเช่นกัน
โดยตามปฎิทินแล้ว “ช้างศึก” จะเดินทางไปอุ่นเครื่องที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2 นัด โดย 25 มี.ค.จะลงเล่นกับซีเรีย และ 28 มี.ค.เจอกับยูเออี โดยสองนัดนี้จะไม่มีกองหน้าตัวเก๋าอย่าง “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา และ “ตังค์” สารัช อยู่เย็น อยู่ในทีม แต่ก็จะเป็นโอกาสพิสูจน์ของผู้เล่นเลือดใหม่หลายต่อหลายคนเช่นกัน
โดยเฉพาะในตำแหน่งกองหน้าที่ “ช้างศึก” มี ธีรศิลป์ แดงดา ยืนเป็นหัวหอกเบอร์ 1 มาอย่างยาวนาน และมีสถิติเล่นทั้งหมด 122 นัด ยิงได้ 61 ประตู ส่วนในระดับสโมสรลงเล่นทั้งหมด 534 นัด ยิงได้ 222 ประตู และหากเทียบกับการยิงประตูในศึกชิงแชมป์อาเซียนแล้วละก็ “เจ้ามุ้ย” ก็เป็นดาวซัลโวสูงสุดด้วยผลงานยิงไปทั้งหมด 22 ประตูทิ้งห่าง .นอร์ อลัม ชา ของสิงคโปร์ถึง 5 ประตู
แต่ปัจจุบัน ธีรศิลป์ก็อายุ 34 ปีแล้ว อาจจะถึงเวลามองหาตัวตายตัวแทนที่จะมาแทนที่ได้แล้ว แต่ดูไปแล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาทายาทคนใหม่ ลองมาไล่ดูกองหน้าดาวรุ่งที่จะลงเล่นในโปรแกรมฟีฟาเดย์แล้วกันว่าคนไทยจะมีแววกันบ้าง

1.ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา
เมื่อ ธีรศิลป์ ไม่ได้ร่วมทีมชาติไทยใน 2 แมตช์นี้ คนที่จะได้รับหน้าที่สวมเสื้อเบอร์ 10 แทนก็คือ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่ดูจะเป็นคนที่อาจก้าวขึ้นมาแทนที่ได้ดีเสียด้วย โดยหากนับเฉพาะผลงานไทยลีกในฤดูกาล 2565-66 เขายิงได้ 8 ประตู 9 แอสซิสต์จากการลงเล่น 24 นัดให้บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แต่ถ้ารวมทุกรายการคือลงเล่น 31 นัดยิงได้ 11 ประตู
นอกจากนั้นกองหน้าวัย 20 ยังได้เดินทางไปฝึกซ้อมอยู่กับเลสเตอร์ ซิตี้ หลังจากไปซ้อมกับทีมชุดยู-23 แล้วผลงานเข้าตาก็น่าจะช่วยเพิ่มกระดูกบอลให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ศุภณัฏฐ์ ควรจะได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองเต็มตัวในเกมอุ่นเครื่องทั้งสองนัดอย่างแน่นอน

2.ศุภชัย ใจเด็ด
คู่แข่งคนสำคัญของศุภณัฏฐ์ก็คือเพื่อนร่วมสโมสร “ปราสาทสายฟ้า” อย่าง ศุภชัย ใจเด็ด นี่เอง และดาวเตะจากจังหวัดปัตตานีคนนี้มีทักษะการเล่นที่ดี ว่องไว เลี้ยงบอลได้คล่องเท้า และเป็นกองหน้าที่ฉกฉวยโอกาสได้ดีเหมาะสมกับการเป็นความหวังใหม่ของทีมชาติไทยเช่นกัน
ในไทยลีกฤดูกาลนี้ ศุภชัย ใจเด็ด ยิงไป 14 ประตูนำเป็นดาวซัลโวสูงสุดโดยมี แฮมิลตัน โซอาเรส (การท่าเรือ เอฟซี) และ ดานิโล อัลเวส (ชลบุรี เอฟซี) ตามมาเป็นอันดับสองด้วยผลงานยิง 13 ประตู
ซึ่งเมื่อมองจากสถิติแล้ว ศุภชัยควรจะเป็นความหวังสูงสุดของ “ช้างศึก” ได้ หากแต่ต้องยอมรับว่าเมื่อลงเล่นให้ทีมชาติไทยแล้วผลงานของดาวเตะเลือดใต้ยังไม่หวือหวาเท่าที่ควร บางครั้งเล่นดี บางครั้งก็หายไปจากเกมเลย จะบอกว่าเป็นการใช้โอกาสเปลืองก็ว่าได้
ยิ่งในเกมฟีฟ่าเดย์ การเตรียมทีมมีเวลาน้อยด้วย การซ้อมทำความเข้าใจก็ไม่มากเหมือนตอนเล่นในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ถือว่าเป็นเกมวัดใจว่า ศุภชัย ใจเด็ด จะฟอร์มเข้าฝักอย่างถูกที่ถูกเวลาหรือไม่

3.ปรเมศย์ อาจวิไล
อีกหนึ่งกองหน้าดาวรุ่งที่มาแรงก็คือ “เจ้าฟร้องซ์” ปรเมศย์ อาจวิไล ที่ทางทีม “กิเลนผยอง” เมืองทอง ยูไนเต็ด ส่งเข้าประกวด ซึ่งในไทยลีกฤดูกาลนี้ก็เล่นได้อย่างน่าประทับใจเสียด้วย
“เจ้าฟร้องซ์” สร้างชื่อในการเล่นให้ทีมชาติไทยในศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน “มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คัพ 2022” โดยช่วยให้ “ช้างศึก” คว้าแชมป์ไปครองเป็นสมัยที่ 7 และเป็นจอมทุ่มเทที่ประทับใจ มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือทีมชาติไทยมากเป็นพิเศษ
ส่วนในการเล่นในระดับสโมสร กองหน้าวัย 24 ผู้นี้ถูกดันขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ของ “กิเลนผยอง” เมื่อปี 2018 แต่มีอยู่ระยะหนึ่งที่สู้ความแข็งแกร่งของนักเตะรุ่นพี่ไม่ไหวเลยย้ายไปหาประสบการณ์กับ อุดรธานี เอฟซี และ บางกอก เอฟซี ด้วยสัญญายืมตัว แต่เมื่อกลับมาก็พัฒนาฟอร์มการเล่นขึ้นมาอย่างจัดจ้าน
ในไทยลีกฤดูกาลนี้ ปรเมศย์ ลงเล่น 22 นัด ยิงได้ 5 ประตูและทำอีก 4 แอสซิสต์ แม้จะไม่ใช่เครื่องจักรถล่มประตูแต่ก็เป็นดาวยิงสารพัดประโยชน์ ขยันเล่น หาโอกาสทำประตูได้ดี
หากว่า ศุภณัฏฐ์ และ ศุภชัย ใจเด็ด โชว์ฟอร์มไม่ออก โอกาสก็น่าจะเป็นของ “เจ้าฟร้องซ์” ได้เช่นกัน