
ในวงการลูกหนังนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แน่นอนว่าแฟนบอลของทั้งสองฝั่งหากจะกระทบกระทั่งกันก็คงเป็นเรื่องปกติ และถึงแม้ว่ามีเรื่องบานปลายถึงขั้นต้องใช้กำลัง และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาห้ามปรามก็คงจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ย้อนกลับไปในปี 1985 กับ โศกนาฏกรรม เฮย์เซล ที่เกิดขึ้นใน เบลเยี่ยม
ซึ่งเป็นนัดชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และเป็นการพบกันระหว่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กับ “ม้าลาย” ยูเวนตุส ที่เกิดเหตุการณ์ของแฟนบอลทั้ง 2 ทีมไล่ตะลุมบอลกันบนที่นั่งอัศจรรย์ตั้งแต่เกมยังไม่เริ่มการแข่งขัน

และเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน คือมีแฟนบอลเสียชีวิตถึง 39 ราย และทั้งหมดเป็นแฟนบอลของ ยูเวนตุส และนั่นจึงทำให้ ลิเวอร์พูล ถูกตราหน้าจากเพื่อนร่วมลีกในประเทศอังกฤษ รวมถึงรัฐบาลของเมืองผู้ดีว่า พวกเขาคือ วายร้ายแห่งวงการลูกหนัง หลังจากเกิดเหตุการณ์ โศกนาฏกรรม เฮย์เซล ที่เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม
สำหรับในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ไม่ว่าจากอดีตจนถึงปัจจุบันเกมนัดชิงชนะเลิศ ย่อมเป็นข่าวดีของแฟนบอลในประเทศต่าง ๆ ที่ทางยูฟ่ากำหนดให้นัดชิงชนะเลิศเกิดขึ้น และในวันที่ 29 พฤษภาคม 1985 ทางยูฟ่าก็กำหนดจัดเกมการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ประจำปี 1985 ที่เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งใช้สนาม เฮย์เซล เป็นสนามนัดชิง และแน่นอนว่าแฟนบอลของเบลเยี่ยม พวกเขาต่างก็ดีอกดีใจที่จะได้ชมเกมการแข่งขันระดับโลก
และต้องยอมรับเลยว่าในช่วงนั้น ลิเวอร์พูล คือทีมที่มีชื่อเสียงและมีฐานแฟนบอลอยู่ทั่วโลกเช่นเดียวกัน รวมถึง ยูเวนตุส ที่อยู่ในสถานะยักษ์ใหญ่ของลีกอิตาลี ที่แฟนบอลต่างก็ใจจดใจจ่อที่จะรอชมเกมนัดชิงชนะเลิศศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่จะจัดขึ้น
และหลังจากที่มีการประกาศจากทางยูฟ่าว่า จะจัดที่เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม ทางสโมสรลิเวอร์พูล พวกเขาต่างก็โต้แย้งทันที ไม่ใช่เพราะว่าประเทศเบลเยี่ยมเป็นเมืองที่ไม่มีแฟนบอล หรือว่าเกิดเหตุอื่นที่ ลิเวอร์พูล ไม่พอใจแต่ทางลิเวอร์พูลพวกเขาได้ประเมินแล้วว่า สนามเฮย์เซล ค่อนข้างที่จะเก่า โดยเฉพาะอัศจรรย์ของแฟนบอลก็ยังทรุดโทรม จึงทำให้ทางลิเวอร์พูล ยื่นหนังสือถึงยูฟ่าเพื่อที่จะเปลี่ยนสนาม และให้พิจารณาเกมนัดชิงให้ย้ายไปเตะที่อื่น

และสิ่งที่ทุกคนมีความเป็นกังวล เกี่ยวกับการกระทบกระทั่งนั่นก็คือทางยูฟ่า ได้แบ่งขายบัตรเป็นทั้งหมด 3 โซน ประกอบไปด้วยโซนของแฟนบอลลิเวอร์พูล โซนของแฟนบอลยูเวนตุส และโซนแฟนบอลของประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งแน่นอนว่าการขายบัตรแบบนี้จะทำให้เกิดการจองตั๋ว และนำตัวออกไปขายเป็นตั๋วผี และไม่สามารถที่จะคัดแยกแฟนบอลได้ และอาจจะเกิดเหตุกระทบกระทั่งเพราะว่าไม่มีการแบ่งแยกโซนของแฟนบอลอย่างชัดเจน แต่ทว่าทางยูฟ่าก็ได้ปฏิเสธ และพวกเขายังดื้อที่จะจัดนัดชิงชนะเลิศต่อไป
และสิ่งที่ทุกคนกังวลก็เกิดขึ้นก่อนเกมการแข่งขัน ซึ่งแฟนบอลของทั้ง 2 ทีมกระทบกระทั่งกัน โดยการใช้คำพูดตะโกนด่าทอกันไปมา ก่อนที่ทางแฟนบอลยูเวนตุส จะขว้างก้อนหินใส่แฟนบอลลิเวอร์พูล และแฟนบอลทั้งสองทีม ก็ขว้างปาสิ่งของโยนใส่กันไปมา ก่อนที่ทางฝ่ายของแฟนบอลหงส์แดง จะรวมตัวกันและวิ่งไล่ต้อนแฟนบอลยูเวนตุส จนไปชิดถึงกำแพงอัศจรรย์ที่มีความเก่า พร้อมทั้งหยิบรั้วและสิ่งของฟาดกันไปมา
และอัศจรรย์ที่แฟนบอลยูเวนตุสได้พิงหลังชนฝา ก็เกิดเหตุถล่มลงมา จนทำให้มีผู้ได้รับการบาดเจ็บ และเสียชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากจบเกมการแข่งขันนัดชิงมีผู้ได้รับบัตรเจ็บถึง 600 กว่าราย และมีผู้เสียชีวิต 39 ราย

แต่ทว่าเกมการแข่งขันก็ยังคงถูกจัดให้แข่งจนเสร็จ โดยที่ลิเวอร์พูล พ่ายให้กับ ยูเวนตุส 1 – 0 และหลังจากที่จบเกมการแข่งขันทางยูฟ่าก็ได้มีการสอบสวน พร้อมกับนำวิดีโอเทปมาเปิดดูภาพย้อนหลังเกี่ยวกับเหตุการณ์ โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นและรู้ว่าแฟนบอลทั้ง 39 รายที่เสียชีวิตเป็นแฟนบอลของยูเวนตุส ทั้งหมด
และนั่นจึงทำให้ทางยูฟ่า มีบทลงโทษ แบนทีมลิเวอร์พูล โทษฐานที่ไม่สามารถคุมแฟนบอลตัวเองได้ และไม่ใช่เพียงแค่ลิเวอร์พูลทีมเดียวเท่านั้น ทีมฟุตบอลในประเทศอังกฤษจะไม่สามารถทำการแข่งขันในบอลถ้วยยุโรปได้ นั่นจึงทำให้ทุกทีมที่อยู่ในพรีเมียร์ลีก ถูกบทลงโทษจากทางยูฟ่าห้ามทำการแข่งขัน 5 ปี จากเหตุการณ์โศกนาฏกรรม เฮย์เซล ที่เป็นบทลงโทษทีมลิเวอร์พูลที่อยู่ในเกาะอังกฤษ เริ่มนับตั้งแต่ปี 1985 จนถึงปี 1990
และในระหว่างที่ถูกแบน 5 ปี แน่นอนว่าลิเวอร์พูล พวกเขาถูกตราหน้า และถูกถาโถมเกี่ยวกับคำด่า ไม่ว่าจะเป็นทีมที่อยู่ใน พรีเมียร์ลีก ของอังกฤษ ที่พวกเขาถูกแบนไปด้วย ทั้งที่ไม่มีความผิด โดยเฉพาะแฟนบอลของเอฟเวอร์ตัน ที่ในปีถัดมา พวกเขาได้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่ไม่ได้ไปเล่นถ้วยใหญ่ในยุโรป แม้แต่ทางรัฐบาลก็ไม่ละเว้น เพราะได้ออกจดหมายประณามการกระทำของแฟนบอลลิเวอร์พูล และให้ทางสโมสรแสดงความรับผิดชอบ แต่ก็ไม่สามารถมีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ และตลอดระยะเวลา 5 ปีนับตั้งแต่ปี 1985 จนถึงปี 1990 กับการถูกโทษแบนของทาง ยูฟ่า ทำให้ลิเวอร์พูลถูกตาหน้ามาตลอด