แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับเข้าสู่ฟอร์มอันยอดเยี่ยมในโค้งสุดท้ายของฤดูกาล และตอนนี้มีโอกาสจะคว้า 3 แชมป์ในฤดูกาล 2022-23
โดยสำหรับตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกอยู่ใกล้แค่เอื้อม ส่วนเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศจะเจอกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และนัดชิงชนะเลิศศึกยูฟา แชมเปียนส์ลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเจอกับ อินเตอร์ มิลาน โดยจะเจอกันที่อาตาตูร์ก สเตเดี้ยม ในกรุงอิสตันบูล ตุรกี ในวันเสาร์ที่ 10 มิ.ย.นี้ โดยจะเป็นสังเวียนแข่งเดียวกันกับที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เอซี มิลาน คว้าแชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ลีก เมื่อปี 2005
ถ้าหากสามารถทำสำเร็จก็จะสามารถเทียบความยิ่งใหญ่ของ “ผีแดง” ที่เคยคว้าทริปเบิลแชมป์เมื่อปี 1999 รวมถึงจะทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอลา กลายเป็นหนึ่งในกุนซือยอดฝีมือในพรีเมียร์ลีกเทียบเท่ากับเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

ลองย้อนกลับไปดูวันที่ยิ่งใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 1998-99 กันดูบ้าง
26 พ.ค. 1999 เป็นวันที่ “ผีแดง” คว้าทริปเบิลแชมป์มาครอง โดยเป็นการแข่งขันที่คัมป์ นู ของบาร์เซโลนา เป็นหนึ่งในเกมสุดคลาสสิกของรายการนี้ เมื่อบาเยิร์น มิวนิกได้ประตูขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 6 และคุมเกมได้เปรียบเกือบตลอดเวลา ก่อนที่ทีมจากอังกฤษจะตีเสมอจากเท็ดดี้ เชอริงแฮมในช่วงทดเจ็บนาทีแรกของครึ่งหลัง และปรากฎการณ์มหัศจรรย์เกิดขึ้นในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 92 เมื่อโอเล กุนนาร์ โซลชา ทำประตูให้ “ผีแดง” แซงเอาชนะ 2-1 คว้าแชมป์ไปครองอย่างเหลือเชื่อ
แต่หากมองย้อนกลับไปก่อนจะได้แชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ลีกนั้น แมนฯยูเจอกับปรากฏการณ์ “โกงความตาย” มาก่อนแล้ว
นั่นคือการเล่นในศึกเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ในวันที่ 11 เม.ย.1999 ผลออกมาเสมอกัน 0-0 จึงต้องมาเตะรีเพลย์ แมตช์ในวันที่ 14 เม.ย.ที่สนามวิลลา ปาร์ก สถานการณ์ของแมนฯยูทำท่าจะย่ำแย่เมื่อรอย คีน กัปตันทีมโดนใบแดงไล่ออกตั้งแต่ในนาทีที่ 74 จบ 90 นาทีเสมอกัน 1-1 และโอกาสของ “ปืนโต” ก็มาถึงเมื่อได้ซัดจุดโทษในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 2 เดนนิส เบิร์กแคมป์ รับหน้าที่สังหารแต่โดนปีเตอร์ ชไมเคิล เซฟไว้ได้

แมนฯยูเหลือผู้เล่น 10 คนแต่พลิกสถานการณ์อย่างเหลือเชื่อในนาทีที่ 109 เมื่อ ไรอัน กิกส์ ปีกซ้ายชาวเวลส์ พาบอลแหวกขึ้นทางซ้ายจากกลางสนามเลี้ยงหลบผู้เล่นอาร์เซนอลคนแล้วคนเล่าก่อนยิงบอลผ่านเดวิด ซีแมน เข้าประตูไป แมนฯยูโกงความตายไปอีกครั้งเอาชนะ 2-1 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศและเอาชนะนิวคาสเซิล 2-0 คว้าแชมป์ไปครอง ประตูของไรอัน กิกส์ได้รับการยกย่องว่าเป็นประตูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของเอฟเอ คัพ
ส่วน “ผีแดง” คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครองด้วยการเก็บ 79 แต้มจาก 38 นัดโดยเฉือนเอาชนะอาร์เซนอลไปแค่แต้มเดียว
โซลชา ให้สัมภาษณ์ถึงฤดูกาลแห่งความทรงจำว่าจุดแข็งของแมนฯยูในปี 1999 ไม่ใช่เพราะรวมรวบนักเตะระดับแนวหน้าไว้ร่วมกันมากมาย หากแต่เป็นเพราะสปิริต ความกระหายชัยชนะ ความเป็นนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้ ซึ่งได้อิทธิพลมาจากเซอร์อเล็กซ์นั่นเอง และทำให้สามารถโกงความตายคว้าแชมป์ได้ทั้งแชมเปียนส์ลีกและเอฟเอ คัพ
หลังจากนั้นยังไม่มีสโมสรไหนในอังกฤษไปได้ไกลเหมือนแมนฯยูในปี 1999 อีกเลย ฤดูกาลนี้ แมนซิตี้ จะทำสถิติเทียบเท่ากับทีมร่วมเมืองได้หรือไม่ อีกไม่นานคงได้คำตอบ