เรือใบสีฟ้า-ปืนโต ฤดูกาลที่แล้วการชี้ชะตาแชมป์ Premier League ต้องดวลกันถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาล
Man City เอาชนะ Aston Villa 3-2 ประตูในเกมสุดดราม่าเพราะโดนยิงไปก่อน 2 ประตู แต่ก็แซงเอาชนะคว้าแชมป์ด้วยการเฉือนเอาชนะ Liverpool ไปหวุดหวิด แต่ฤดูกาลการชี้ชะตาแชมป์ของ เรือใบสีฟ้า-ปืนโต จบลงก่อนถึงนัดสุดท้าย เมื่อปืนโตมาเหี่ยวปลายตายธรรมชาติ ทำให้ตำแหน่งแชมป์ตกเป็นของเรือใบสีฟ้าไปอีกสมัย

คราวนี้ลองมาย้อนดูเกมที่เป็นจุดเปลี่ยนในการแย่งแชมป์ฤดูกาลนี้กันบ้าง
1. Erling Haaland ทำประตูแรกให้ Man City
การลงทุนครั้งสำคัญของ “เรือใบสีฟ้า” ก็คือการเซ็นสัญญาคว้าตัว Erling Haaland มาร่วมทีม แม้จะทำประตูไม่ได้ในเกม Community Shield ในการเจอกับ Liverpool แต่เมื่อเล่นเกมแรกใน Premier League ศูนย์หน้าชาวนอร์เวย์ก็ทำสองประตูให้ทีมเอาชนะ West Ham 2-0
หลังจากนั้น Haaland ก็เริ่มอันตรายขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นอาวุธทำลายทรงประสิทธิภาพของ Man City
2. ถล่มคู่ปรับทีมร่วมเมืองอย่าง Manchester United
การยืนยันว่าการซื้อ Haaland มาร่วมทีมเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าถูกพิสูจน์ในเกมดาร์บี้ แมตช์ของเมืองแมนเชสเตอร์เมื่อศูนย์หน้าวัย 22 สามารถทำแฮตทริกได้ในเกมที่ Man City ไล่ถล่ม Manchester United 6-3 ประตู
3. ฟรีคิกสุดมหัศจรรย์ของ Kevin de Bruyne
นับตั้งแต่ออกสตาร์ตฤดูกาลจนถึงปลายเดือนต.ค. Haaland ลงสนามทุกนัดและยิงไปได้ทั้งหมด 22 ประตู แต่เขาไม่สามารถคลายพิษสงได้ในเกมบุกไปเจอกับ Leicester โดยต้องรอถึงนาทีที่ 49 จึงได้ประตูชัยจากการยิงฟรีคิกอันเหนือชั้นของ De Bruyne ซึ่งถือว่าเป็น 3 คะแนนที่มีค่าอย่างแท้จริง
4. Haaland ซัดจุดโทษเป็นประตูชัยนาทีสุดท้าย
ในช่วงที่ Arsenal เก็บชัยชนะได้ต่อเนื่อง มีหลายเกมที่ Man City เล่นกันไม่ค่อยเข้าฟอร์มนัก และในการเจอกับทีมน้องใหม่อย่าง Fulham ที่ Etihad ก็เกือบจะต้องจบลงด้วยการเสมอ หากแต่เจ้าถิ่นมาได้โชคช่วยเมื่อได้ลูกโทษที่จุดโทษนาทีที่ 95 และเป็นศูนย์หน้าทีมชาตินอร์เวย์รับหน้าที่สังหารเข้าไปอย่างเลือดเย็น
ที่สำคัญในเกมนั้น เจ้าบ้านต้องเล่นแค่ 10 คนตั้งแต่นาทีที่ 26 เมื่อ Joao Cancelo โดนใบแดงไล่ออกจากสนามไป

5. Mahrez สวมบทซูเปอร์ซับ
เมื่อเข้าช่วงปีใหม่การขับเคี่ยวระหว่าง Arsenal กับ Man City เริ่มเข้มข้นยิ่งขึ้น และหนึ่งเกมที่กองเชียร์ “เรือใบสีฟ้า” ต้องลุ้นกันเหนื่อยก็คือเกมในวันที่ 5 ม.ค.เมื่อต้องบุกไปเยือน Chelsea ที่ Stamford Bridge ซึ่งกลายเป็นเกมยากจริงๆ ในการเจาะประตู จน Pep Guardiola ต้องเปลี่ยนตัวสำรองเอา Jack Grealish และ Riyad Mahrez ลงมาเปลี่ยนเกมในนาทีที่ 60 และอีก 3 นาทีต่อมา Grealish แอสซิสต์ให้ Mahrez ทำประตู และกลายเป็นประตูชัยให้ทีมบุกเอาชนะ 1-0 เก็บ 3 แต้มสำคัญไว้ได้
6. Man City บุกชนะ Arsenal กลับขึ้นจ่าฝูง
เกมที่พิสูจน์ว่า “ปืนโต” ดีพอจะเป็นแชมป์หรือไม่ก็คือการเปิดบ้านรับการมาเยือนของ “เรือใบสีฟ้า” และเป็นเกมที่ “แชมป์เก่า” แสดงให้เห็นว่าเก๋าเกม เด็ดขาด เหนือกว่าทุกกระบวนท่าและเอาชนะไปอย่างเด็ดขาด 3-1 ประตู และกลับมาเป็นจ่าฝูง และหลังจากเกมนี้ Man City ก็ดูเหมือนจะร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
7. อาการบาดเจ็บของ Saliba
ต้องยอมรับว่าจุดแข็งของ Arsenal ในฤดูกาลนี้เกิดขึ้นเพราะแนวรับ แต่หลังจากกลางเดือนมี.ค.เริ่มกลายเป็นปัญหาเมื่อ William Saliba ได้รับบาดเจ็บในเกมเจอกับ Sporting Lisbon ในเกม Europa League เมื่อ 16 มี.ค. และหลังจากนั้นก็ไม่สามารถกลับมาลงเล่นได้เลย และต่อมายังเสีย Takehiro Tomiyasu เพราะอาการบาดเจ็บ ฟอร์มในระยะหลังจึงเห็นได้ว่า “ปืนโต” เสียประตูกันง่ายมาก แนวรับไม่มั่นคง การพ่ายแพ้ติดต่อกันทำให้หลุดโค้งเส้นทางลุ้นแชมป์ในที่สุด
8. Arsenal ขึ้นนำสองประตูแต่ได้แค่เสมอ Liverpool
พลังหนุ่มของ “ปืนโต” เจอบททดสอบที่สำคัญที่สุดในเกมบุกเยือน Anfield และพวกเขาใช้เวลา 28 นาทีขึ้นนำ 2-0 แต่หลังจากนั้นดูเหมือนจะรักษาโมเมนตั้มเอาไว้ไม่ได้และเสียสองประตูจนจบเกมด้วยการเสมอกันไป 2-2 ประตู เป็นหนึ่งในเกมที่มีผลต่อสภาพจิตใจของ “เดอะ กันเนอร์ส” อย่างแท้จริง