
Maradona เป็นอีกหนึ่งชื่อที่นึกขึ้นได้เมื่อพูดถึงนาโปลี
นาโปลีบุกไปยันเสมออูดิเนเซ่ 1-1 ประตูในศึกกัลโช เซเรียอา เมื่อคืนวันพฤหัสฯที่ผ่านมาส่งผลให้ทีมคว้าแชมป์ฤดูกาลนี้ไปครองเป็นที่แน่นอนแล้ว แม้จะเหลือการแข่งขันอีก 5 นัดก็ตาม เพราะมี 80 แต้มจาก 33 นัดทิ้งห่างอันดับ 2 ลาซิโอ 16 แต้ม การคว้าแชมป์ครั้งนี้เป็นการคว้าแชมป์กัลโช เซเรีย เป็นครั้งแรกในรอบ 33 ปี และยังเป็นการคว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 3 ของสโมสรด้วย โดยสองครั้งก่อนหน้านั้นได้แชมป์ในฤดูกาล 1986-87 และ 1989-90 ในยุคที่มี Maradona เป็นจอมทัพของทีม
ก่อนเสียชีวิต “เสือเตี้ย” เคยได้กลับไปเยือนเนเปิ้ลส์หลังจากสามารถจัดการเรื่องภาษีกับรัฐบาลอิตาลีลงได้
ผมอยากกลับไปอิตาลีพร้อมหลานชาย เพราะผมอยากให้หลานชายได้รู้ว่าปู่เคยมาทำอะไรที่นี่บ้าง
มาราโดน่า ให้สัมภาษณ์กับกัซเซ็ตต้า เดลโล่ สปอร์ตส
มาราโดน่า เริ่มสร้างชื่อกับอาร์เจนตินอส จูเนียร์ส แล้วจึงย้ายไปอยู่กับโบค่า จูเนียร์ส และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกอาร์เจนตินาเมื่อปี 1981 ก่อนจะย้ายกลับไปอาร์เจนตินอส จูเนียร์ส อีกครั้ง จากนั้นจึงเซ็นสัญญาย้ายไปอยู่กับบาร์เซโลนาเมื่อกลางปี 1982 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
1 ก.ค.1984 มาราโดน่า ย้ายไปอยู่กับนาโปลี สโมสรเล็กๆ ในเมืองที่ค่อนข้างยากจน เป็นถิ่นนักเลงมาเฟีย และถูกทอดทิ้งโดยรัฐบาลอิตาลี การมาถึงของดาวยิงหุ่นมะขามข้อเดียวคือความหวังอันยิ่งใหญ่ เพราะนาโปลีในขณะนั้นผลงาย่ำแย่หนัก เกือบตกชั้นในฤดูกาล 1982-83 และ 1983-84 และไม่เคยสัมผัสแชมป์สคูเด็ตโต้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ตอนที่ผมไปถึงนั้น นาโปลีใกล้จะตกชั้น ไม่ได้มีคุณภาพที่จะได้แชมป์อะไรเลย ผมรู้ตัวเองว่าคงต้องเหนื่อยและทรมานมาก แต่อะไรที่ยิ่งยากก็ยิ่งท้าทายสำหรับผม
มาราโดน่า กล่าว

สิ่งที่ “สิงห์เตี้ย” เลือกนาโปลีส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะชีวิตของเขาก็เกิดมาในแหล่งเสื่อมโทรมด้วยเช่นกัน และใช้ฟุตบอลเป็นเส้นทางไต่เต้าสู่ความสำเร็จ
กัลโช เซเรียอาในเวลานั้นถือว่าเป็นลีกที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ทุกทีมล้วนแต่มีดาราต่างชาติเป็นกำลังสำคัญของทีมอาทิเช่น มิเชล พลาตินี,ไมเคิล เลาดรู๊ป และ ซบิกเนียว โบเนียก ของยูเวนตุส ส่วนโรมาก็มีทั้งฟัลเกา,เซเรโซ ส่วนอูดิเนเซ่ก็มีซิโก้
แต่มาราโดน่าคือของขวัญจากพระเจ้าที่มอบให้กับชาวเมืองเนเปิ้ลส์ นักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเลือกมาเล่นให้นาโปลีเป็นสิ่งที่อยู่ในความทรงจำของแฟนบอลทุกคน
และมาราโดน่าพาทีมคว้าแชมป์สคูเด็ตโต้เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 1986-87 โดยนัดสุดท้ายเสมอฟิออเรนตินา 1-1 ท่ามกลางแฟนบอลกว่า 70,000 คน
ผมคิดว่าแชมป์นี้มีคุณค่ามากกว่าทุกแชมป์ที่ผมเคยสัมผัสมา มีความหมายมากกว่าแชมป์โลก 1986 ที่เม็กซิโกเสียอีก เพราะผมไม่ได้อยู่ตามลำพัง ครอบครัวของผมอยู่ที่เนเปิ้ลส์ด้วยกัน และผมก็ถือว่าตัวเองเป็นบุตรของเนเปิ้ลส์
มาราโดน่า กล่าว
มาราโดน่าพานาโปลีคว้าแชมป์สคูเด็ตโต้อีกสมัยในฤดูกาล 1989-90 โดยกำลังสำคัญอีกคนก็คือคาเรก้ากองหน้าทีมชาติบราซิล รวมไปถึงดาวเตะชาวอิตาเลียนอย่างจิอันฟรังโก โซลา
หลังจากนั้น “เสือเตี้ย” ประสบกับมรสุมชีวิตมากมายไม่ว่าจะเรื่องการเสพโคเคน การมีความสัมพันธ์กับมาเฟียในเมืองเนเปิ้ลส์ และในปี 1991 ถูกแบนเพราะถูกตรวจพบว่าใช้สารเสพติด
หลังจากพ้นโทษแบน มาราโดนาย้ายไปเล่นให้หลายสโมสรไม่ว่าจะเป็นเซบีญา,นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ และ โบคา จูเนียร์ส แต่เขาไม่เคยเล่นได้สุดยอดเหมือนตอนอยู่กับนาโปลี
นาโปลียกเลิกเสื้อเบอร์ 10 เพื่อให้เกียรติกับมาราโดนามาจนถึงทุกวันนี้ และเขาคือ “พระเจ้า” ที่อยู่ในความทรงจำของแฟนบอลนาโปลีเสมอมา