Mauricio Pochettino ความหวังใหม่ของ เชลซี

Mauricio Pochettino

Mauricio Pochettino ผู้จัดการทีมคนใหม่ของ Chelsea น่าจะเป็นที่แน่นอนแล้ว

กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ผู้เคยผ่านการคุมทีมใหญ่อย่าง Spurs และ Paris Saint-Germain เป็นความท้าทายครั้งใหญ่ว่าด้วยฝีมือและประสบการณ์ของ Mauricio Pochettino จะสามารถกอบกู้วิกฤตของ “สิงโตน้ำเงินคราม” ได้หรือไม่ มีงานอะไรที่กุนซือคนใหม่ต้องเปลี่ยนแปลงบ้าง

สิ่งที่ถูกคาดหวัง

แนวทางการทำทีมของ Pochettino คือการผลักดันทั้งสภาพร่างกายและจิตใจให้แสดงออกมาให้เต็มศักยภาพ บางทีการสร้างความกดดัน เรียกร้องอย่างเต็มที่ ซึ่งนักเตะที่สามารถผ่านด่านทดสอบไปได้ก็จะได้ไปต่อ แต่ถ้าไม่สามารถอดทนกับความกดดันที่ถาโถมเข้ามาได้ก็อาจจะไม่อยู่ในแผนการสร้างทีมของกุนซือคนใหม่

กุนซือชาวอาร์เจนไตน์เหมือนบุรุษที่มีสองหน้า บุคลิกภายนอกเขาดูอบอุ่น อ่อนโยน เขาจะรู้จักชื่อเจ้าหน้าที่ทุกคนของสโมสร จำได้แม้แต่วันเกิดของลูกๆ นักเตะในทีม แต่ภายใต้รูปลักษณ์แสนสุภาพเป็นคนที่ดุ แข็งแกร่ง เอาจริงเอาจัง และนักเตะทุกคนจะต้องฝึกซ้อมภายใต้ระบบที่เข้มข้น และหลายครั้งการซ้อมจะหนักหน่วงกว่าตอนเล่นเกมจริงหลายเท่า บางครั้งแนวทางการผลักดันศักยภาพนักเตะของเขาจะถูกเรียกว่า Superman syndrome พูดง่ายๆ ก็คือการรักความสมบูรณ์แบบ

จุดแข็ง

Pochettino เริ่มฉายแววยอดเป็นผู้จัดการทีมตั้งแต่ตอนคุมทีม Southampton จุดเด่นมากที่สุดไม่ใช่การแก้เกมในระหว่างคุมทีมข้างสนาม แต่เป็นการควบคุมการฝึกซ้อม และการรีดศักยภาพของนักเตะออกมาได้ดีที่สุด Rickie Lambert อดีตกองหน้าของ “นักบุญ” บอกว่า กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ทำงานหนักกับนักเตะ แม้ว่าจะทำให้เกิดความกดดันตลอดเวลา แต่ก็เพราะการติวเข้มแบบนั้นก็ทำให้เขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษมาแล้ว

นักเตะที่สามารถยกระดับการเล่นขึ้นมาได้อย่างน่าทึ่งก็คือ Dele Alli ซึ่งช่วงที่ร่วมงานกันในทีม “ไก่เดือยทอง” ทำให้ Alli เคยเป็นหนึ่งในนักเตะพรสวรรค์ของวงการลูกหนังอังกฤษเลยทีเดียว และเมื่อ Pochettino อำลาทีม Spurs ไปส่งผลกระทบทำให้ Dele Alli อย่างหนักจนแทบจะหมดอนาคตไปเลย ไม่ต้องพูดถึงเลิกคิดที่จะลุ้นกลับไปติดทีมชาติอังกฤษได้อีกแล้ว

และในช่วงที่ย้ายไปคุม Paris Saint-Germain ก็สามารถรับมือกับนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์อย่าง Lionel Messi และ Neymar ได้เป็นอย่างดี

Mauricio Pochettino

ใครจะได้ประโยชน์มากที่สุดในทีม Chelsea

เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วในทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” อุดมไปด้วยนักเตะซูเปอร์สตาร์มากมายและล้วนแต่รับมือยากทั้งสิ้น ส่วนกุนซือชาวอาร์เจนไตน์มีชื่อเสียงมากที่สุดในการปลุกปั้นนักเตะหนุ่ม บรรดาเหล่าดาวรุ่งให้เปล่งประกายออกมาอย่างเต็มที่ และนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ Todd Boehly มหาเศรษฐีชาวอเมริกันเลือกเขามาเป็นผู้จัดการทีม

นักเตะดาวรุ่งที่ค่าตัวแพงแต่ยังไม่สามารถเปล่งประกายออกมาได้เลยคงไม่พ้น Mykhailo Mudryk ปีกซ้ายทีมชาติยูเครน จะด้วยว่าแรงกดดันจากค่าตัวแพงมหาศาลหรือว่าการปรับตัวกับการใช้ชีวิตในอังกฤษก็ไม่แน่ใจนัก แต่ดาวเตะวัย 22 มีความสามารถที่อัดแน่น มีความกระหายชัยชนะ และหวังว่าการได้ Pochettino จะทำให้ Mudryk กลายมาเป็นซูเปอร์สตาร์ดวงใหม่ได้เสียที

ผู้เล่นอีกคนที่เชื่อว่าหากผ่านการขัดเกลาจะสามารถเล่นได้เด็ดดวงเหมือนกันก็คือ Noni Madueke ดาวเตะวัย 21 ยังดูเหมือนฟอร์มไม่เข้าที่เข้าทางนัก แต่เป็นนักเตะมีวินัยสูง ขยันและทุ่มเท ซึ่งเชื่อว่ากุนซือคนใหม่จะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้ เช่นเดียวกับ Enzo Fernandez ที่ได้เวลาโชว์ฝีเท้าสมราคาผู้เล่นระดับเวิลด์คลาส และยังมีดีกรีเป็นแชมป์ World Cup 2022 อีกต่างหาก

ทีมงานของ Pochettino

คาดว่าเมื่อเข้ามารับงานคุมทีมอย่างเต็มตัว และจะได้สัญญาคุมทีมอย่างน้อย 3 ปีจะมีสตาฟทำงานที่ร่วมงานกันมานานมาปลุกปั้นให้ Chelsea กลับมาแกร่งอีกครั้ง

Miguel D’Agostino อดีตเพื่อนร่วมทีมสมัยเล่นอยู่ Newell’s Old Boys มีหน้าที่วิเคราะห์แท็คติก แผนการเล่นในแต่ละนัด ส่วน Toni Jimenez จะทำหน้าที่เป็นโค้ชผู้รักษาประตู ซึ่งได้รับความชื่นชมมากจาก Hugo Lloris ผู้รักษาประตูทีมชาติฝรั่งเศสของ Spursมีส่วนช่วยให้เขาเป็นผู้รักษาประตูระดับโลก

และอีกคนก็คือ Sebastiano ลูกชายคนโตของ Pochettino ที่ทำหน้าที่ด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา ซึ่งเคยทำงานได้มีประสิทธิภาพกับ “ไก่เดือยทอง” มาแล้ว

Scroll to Top