Mohamed Salah ขึ้นทำเนียบดาวยิงในตำนานของ “ หงส์แดง ”

7-0 คงไม่มีใครคิดว่า Mohamed Salah จะระเบิดฟอร์ม ในศึก “แดงเดือด ” ระหว่าง Liverpool กับ Manchester United เกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาจะจบลงด้วยสกอร์เช่นนี้ และยังเป็นฤดูกาลที่ “ หงส์แดง ” โชว์ฟอร์มได้กระท่อนกระแท่นเป็นที่สุด สร้างความอิดหนาระอาใจให้กับเหล่า “ เดอะค็อป ” เป็นอันมาก หากแต่เมื่อเปิดบ้านไล่ถล่มคู่แค้นตลอดกาลอย่าง “ ผีแดง ” ด้วยการยิงไปได้ 7 ตุง ความผิดหวังที่ผ่านมาก็ถูกลืมเลือน ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า Liverpool กลายเป็นมีโอกาสลุ้นติดท็อปโฟร์อย่างมากเอาเสียด้วย

Mohamed Salah 7-0

Mohamed Salah กับสถิติต่างๆใน Liverpool

ผู้เล่นที่มาฮอตปรอทแตกแบบถูกที่ถูกเวลาที่สุดก็คือ Mohamed Salah กองหน้าทีมชาติอียิปต์ที่ผลงานในฤดูกาลนี้ถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานมาโดยตลอด จะบอกว่าฟอร์มตกต่ำนับตั้งแต่ต่อสัญญาใหม่กับ “ หงส์แดง ” รับค่าเหนื่อยมหาศาลก็คงไม่ผิดนัก แต่เกม “ แดงเดือด ” ครั้งนี้ผลการแข่งขันคงไม่ออกมาอย่างที่เห็นหากว่า Salah ไม่เล่นได้ท็อปฟอร์มขนาดนี้ ด้วยผลงานยิง 2 ประตูและทำอีก 2 แอสซิสต์

นัดนี้เป็นการเล่นในลีกเป็นนัดที่ 250 ของเขา และยิงประตูได้ถึง 129 ประตู กลายเป็นนักเตะของ “ หงส์แดง ” ที่ยิงได้มากที่สุดใน Premier League ไปแล้วด้วยการแซงหน้าเจ้าของสถิติเดิมอย่าง Robbie Fowler ไปได้ในที่สุด ไม่เพียงเท่านั้นยังทำสถิติยิงประตู Manchester United ในเกมลีกได้ถึง 10 ประตูด้วยกัน สูงที่สุดเทียบเท่ากับดาวยิงทีมชาติอังกฤษอย่าง Alan Shearer สถิติในการทำแอสซิสต์ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน เพราะในช่วง 6 ฤดูกาลที่ย้ายมาร่วมทีมเขามีผลงานทำไปทั้งหมด 52 แอสซิสต์มากเป็นอันดับ 2 เป็นรองเพียงแค่ Kevin De Bruyne มิดฟิลด์ทีมชาติเบลเยียมของ Man City ที่ทำไปแล้ว 70 แอสซิสต์

ยังไม่ได้จบเพียงแค่นั้น Salah ยังเป็นผู้เล่นคนแรกใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรปในฤดูกาลนี้ที่ทำสถิติยิงได้ 20 ประตูกับ 10 แอสซิสต์ และในฤดูกาลนี้ในการลงเล่นทุกรายการ 37 นัด ยิงไป 22 ประตูกับอีก 11 แอสซิสต์ สถิติยิงประตูอย่างต่อเนื่องทำให้ “ บังโม ” ติดอันดับสุดยอดดาวยิงใน Premier League ยังทำสถิติยิง 100 ประตูได้เร็วที่สุดของ Liverpool และทำสถิติยิงประตูฟุตบอลถ้วยยุโรปได้มากที่สุดของสโมสรคือ 42 ประตู

Salah ผู้เหลือรอดจาก 3 ประสาน ยุคบุกเบิก

Salah จะมีอายุครบ 31 ปี ในเดือน มิ.ย. นี้ และเหลือสัญญาอยู่กับ “ หงส์แดง ” อีกสองปี แต่ถ้าดูจากผลงานในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา และยังคงความเป็นนักเตะที่มีอิทธิพล มีบทบาทในทีมสูง เป็นเรื่องอยากที่จะจินตนาการว่า หากศูนย์หน้าชาวอียิปต์ไม่อยู่กับทีมต่อไป เกมรุกของทีมในยุคต่อไปจะคงประสิทธิภาพเหมือนอย่างทุกวันนี้หรือไม่ หรือแค่คิดว่าในเกมแดงเดือดหนล่าสุด หากว่า “ หงส์แดง ” ไม่มี Salah เป็นกองหน้าผลการแข่งขันและจำนวนประตูจะออกมาเป็นอย่างนี้ได้หรือ

Sadio Mane ได้จากทีมไปเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ส่วน Roberto Firmino ก็เพิ่งแถลงว่าจะไม่ต่อสัญญากับทีมและจะอำลา Anfield ในสิ้นสุดฤดูกาลนี้ แน่นอนว่าทีมยังจำเป็นต้องพึ่งพาดาวยิงทีมชาติอียิปต์อยู่มาก

หงส์แดง ” กับ 3 ประสาน ยุคใหม่ ที่ยังรอการพิสูจน์

Darwin Nunez, Luis Diaz, Diogo Jota และ Cody Gakpo เป็นแนวรุกที่เป็นความหวังของทีมได้ก็จริง แต่ดูเหมือนว่ายังจะต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และยืนระยะให้มากกว่านี้ถึงจะก้าวมาเป็นตัวหลักของทีม โดยการได้เล่นเคียงข้างกับ Salah จะช่วยในการยกระดับการเล่นขึ้นมาอีก

แต่ว่ากันตามตรงแล้ว ตอนนี้ปัญหาใหญ่ของ “ หงส์แดง ” ไม่น่าจะอยู่ที่กองหน้าเท่าไหร่นัก เพราะมีดาวยิงที่เป็นตัวเลือกหลายคน แต่ที่ต้องรีบเติมเต็มเข้าโดยเร็วในช่วงฤดูร้อนนี้ก็คือแผงกองกลาง เพราะตัวหลักหลายคนสภาพร่างกายโรยราลงไป ตัวแทนก็จะเป็นมิดฟิลด์ดาวรุ่งเสียเป็นส่วนมาก ยังหาคนที่จะมารับหน้าที่แทนในตำแหน่งจอมทัพไม่ได้เลย

ไม่แปลกใจที่ “หงส์แดง” อยากได้ Jude Bellingham เสียนักหนา

Scroll to Top