ไม่ว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะจบฤดูกาลนี้ได้อันดับที่เท่าไหร่ จะได้แชมป์เพิ่มจากคาราบาว คัพ อีกหรือไม่ แต่ชื่อของ เอริก เทน ฮาก ได้เป็นที่ยอมรับว่าเป็นผู้จัดการทีมที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
โดยพื้นฐานของครอบครัวแล้ว เอริก เทน ฮาก ถือว่าอยู่ในครอบครัวที่มีฐานะ เรียกว่ามีอันจะกินจะถูกกว่า เพราะพ่อของเขาเป็นเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ มิเชล กับ ริโก้ สองพี่น้องของเขาก็ดำเนินชีวิตเหมือนกับผู้ให้กำเนิด
เฮนนี เทน ฮาก พ่อของเขาก่อตั้งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตัวเองในปี 1967 ต่อจากนั้นก็ผองถ่ายการบริหารให้ลูกชายโดยหวังว่าเอริกจะเข้ารับสืบทอดกิจการด้วย แต่ลูกชายคนนี้กลับแหกคอกด้วยการอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
เขาเข้าไปอยู่ในอะคาเดมีของ เอฟซี ทเวนเต้ และเล่นอยู่ในทีมยู-18 ตอนมีอายุแค่ 14 แต่ตลอดเวลาของการเป็นนักฟุตบอลนั้น เขาต้องพบกับความสูญเสียหลายครั้ง เริ่มตั้งแต่แอนดี้ ชาร์มิน เพื่อนร่วมทีมทเวนเต้ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกตอนมีอายุ 21 ในปี 1989 ระหว่างเดินทางไปเล่นที่ซูรินาเม
ต่อมา จิโน เวเบอร์ เพื่อนสนิทอีกคนปลิดชีวิตตัวเองตอนอายุได้ 33 จากนั้น วิลฟรีด เอลซิงก้า เพื่อนอีกคนต้องแขวนสตั๊ดในวัย 33 ในขณะที่เส้นทางกำลังรุ่งโรจน์
และที่สะเทือนจิตใจครั้งใหญ่ก็คือ เอปิ ดรอสต์ โค้ชเยาวชนและที่ปรึกษาส่วนตัวของเขาเสียชีวิตระหว่างเล่นเกมกระชับมิตรหลังจากหัวใจหยุดเต้นในวัย 49 ความสูญเสียหลายครั้งมีผลทำให้เอริก เทน ฮาก ตัดสินใจแขวนสตั๊ดกับเอฟซี ทเวนเต้เมื่อกลางปี 2002 ในขณะมีอายุ 32
และเกิดใหม่ในฐานะโค้ชและกลายเป็นผู้จัดการทีมที่มีผลงานยอดเยี่ยมกับอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม กระทั่งกลายเป็นกุนซือของแมนฯยูในทุกวันนี้
