เป๊ป กวาร์ดิโอลา อัจฉริยะพา “เรือใบ” คว้า 3 แชมป์

เป๊ป กวาร์ดิโอลา

เป๊ป กวาร์ดิโอลา พา Manchester United สร้างประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ด้วยการคว้า Triple Champ ไปครอง

เมื่อฤดูกาล 1998-1999 ซึ่งเป็นสโมสรแรกที่ทำได้ ผ่านไป 24 ปีทีมร่วมเมืองคือ Manchester City ก็เดินตามรอยความสำเร็จด้วยการคว้า 3 แชมป์ในฤดูกาลเดียวคือแชมป์ Champions League, Premier League และ FA Cup และสำหรับ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ก็ขึ้นชั้นเป็นสุดยอดกุนซือของโลกอย่างสมบูรณ์แบบ และถ้าจะบอกว่ายิ่งใหญ่ที่สุดก็ไม่ได้เกินความจริงแต่ประการใด

ตลอดอาชีพการเป็นผู้จัดการทีมของกุนซือชาวสเปน (Barcelona,Bayern Munich,Manchester City) สามารถพาทีมคว้าแชมป์มาครองรวม 17 รายการ โดยเฉพาะกับ “เรือใบสีฟ้า” นั้นสามารถคว้าแชมป์ Premier League มาครองได้ถึง 3 สมัยติดต่อกัน

ส่วนกับ Barcelona ก็พาทีมได้แชมป์ Champions League 2 สมัยในฤดูกาล 2008/09 และ 2010/11 โดยเฉพาะในฤดูกาล 2008/09  Pep คว้าแชมป์ได้มากมายก็จริง แต่สิ่งที่ทำให้เขาได้รับการยกย่องมากที่สุด คือระบบการเล่น ได้เปลี่ยนแปลงโลกของฟุตบอลไปโดยสิ้นเชิง

แท็คติก แผนการเล่นของเขากลายเป็นเรื่องน่าทึ่ง และมีการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ ไม่ได้ตายตัวตลอดเวลา เป็นกุนซือที่ต้องการความสมบูรณ์แบบ 100 % แสวงหาความยอดเยี่ยมของทีมอย่างไม่ยอมลดราวาศอก แม้ในการเผชิญหน้ากับทีมต่างๆมากมาย City ก็สามารถเอาชนะได้ไม่ยากเย็นนัก และกำชับให้นักเตะทุ่มเทเต็มร้อยเสมอ

Fernandinho

Fernandinho อดีตกัปตันทีม “เรือใบสีฟ้า” บอกว่าสำหรับเขาแล้ว สิ่งที่ Pep ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือการสร้างแรงโน้มน้าวใจ ออกแรงกระตุ้นให้กับนักเตะ สตาฟทำงานทุกคน

ผมเองทำงานกับเขามาอย่างยาวนาน แล้วได้ซึมซับสิ่งที่เขาปลูกฝังอยู่เสมอ และทำให้ตอนนี้ผมไม่ได้ดูฟุตบอลเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

Fernandinho กล่าว

Javier Mascherano อดีตมิดฟิลด์ของ Barcelona กล่าวในทำนองเดียวกันว่าในนัดชิงชนะเลิศ Champions League ปี 2011 นั้น Pep พูดกับนักเตะก่อนลงเล่นว่าพวกเราจะเจอเกมอย่างไร แล้วทุกคนควรจะเล่นอย่างไร และเมื่อจบเกมทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่เขาพูดไว้ทุกอย่าง

ส่วน Ilkay Gundogan กัปตันทีมของ Man City ให้คำจำกัดความเจ้านายของเขาว่า “อัจฉริยะที่อ่านเกมได้อย่างน่ามหัศจรรย์”

แม้จะได้รับความชื่นชมว่าเป็นกุนซืออัจฉริยะ แต่เมื่อเกมการแข่งขันจบลง Guardiola มักจะให้เครดิตกับลูกทีมแบบ 100 % เสมอ และการที่เขาเรียกนักเตะบางคนไปคุยอยู่ที่ข้างสนามซึ่งเป็นภาพคุ้นเคยอยู่เสมอนั้นก็เพราะต้องการให้นักเตะคนนั้นเรียนรู้และเติบโต และทุกฤดูกาลเขาได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นเสมอ ในฤดูกาล 2022-23 ก็มีเงื่อนไขใหม่ๆ เกิดขึ้น มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ Man City ประสบความสำเร็จ

Haaland Project

ในช่วงสองฤดูกาลก่อนหน้านี้ City เล่นในระบบที่ไม่มีศูนย์หน้าตัวเป้า แต่จะมีผู้เล่นในตำแหน่งปีกสองข้างหรือมิดฟิลด์สอดขึ้นมาทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง และก็ยังสามารถคว้าแชมป์ลีกมาครองได้ แต่การขาดศูนย์หน้าจอมถล่มประตูก็มีผลทำให้ทีมพ่าย Chelsea ชวดแชมป์ Champions League ในปี 2021

เพราะอย่างนั้นความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นเมื่อต้นฤดูกาลนี้ด้วยการเซ็นสัญญาคว้าตัว Erling Haaland มาร่วมทีม และแน่นอนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแท็คติกเพื่อผลักดันให้กองหน้าคนใหม่เปล่งประกายได้อย่างเต็มที่

ศูนย์หน้าทีมชาตินอร์เวย์ยิงได้ 52 ประตูในทุกรายการ แต่สิ่งที่เขาทำไม่ใช่เพียงยืนรอยิงประตูอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสร้างมิติในการเล่นแบบใหม่ เป็นดาวซัลโวที่ฉลาดในการวิ่งทำทาง หนีตัวประกบ แถมยังมีแอสซิสต์อีกหลายประตู

การมาถึงของ Haaland ทำให้ผู้เล่นคนอื่นในทีมปรับตัวกันพอสมควร โดยเฉพาะในระยะหลังการเล่นของฟูลแบ็กสองข้างจะไม่ใช่ตัวเสริมเกมรุกเหมือนเคยอีกแล้ว การลงตัวระหว่างนักเตะใหม่กับนักเตะเก่าทำให้ “เรือใบสีฟ้า” คว้าแชมป์ Champions League มาครองเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร

Joao Cancelo

Pep Guardiola กับ Joao Cancelo

กุนซือชาวสเปนกล่าวได้ว่าเป็นคนปลุกปั้น Cancelo ขึ้นเป็นแบ็กขวาระดับเวิลด์คลาส ไม่เพียงแต่เป็นฟูลแบ็กที่เล่นได้ทั้งสองข้าง แต่ยังเป็นฟูลแบ็กที่ได้บทบาทในการขึ้นไปเล่นมิดฟิลด์ในบางจังหวะของเกม แต่ในที่สุดทั้งสองคนก็แตกแยกกัน

Pep ให้ความสำคัญและเชื่อมั่นในตัวของนักเตะทุกคน แต่ถ้าหากมีพฤติกรรมของนักเตะคนไหนรบกวนสมาธิของเขา ครั้งหนึ่งเขาเคยขัดแย้งกับ Zlatan Ibrahimovic ตอนทำ Barca แล้วก็มีฝ่ายหนึ่งที่ต้องจากไป กุนซือชาวสเปนให้คำจำกัดความของ Cancelo ว่า “ทำตัวเหมือนเด็ก” และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้แบ็กชาวโปรตุเกสต้องออกไป

สร้างสิ่งใหม่จากสิ่งเก่า

ความชัดเจนอย่างหนึ่งของ Pep ชอบที่จะสร้างผู้เล่นให้เล่นในตำแหน่งใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ และในฤดูกาลนี้ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง John Stones เป็นเซนเตอร์แบ็กทีมชาติอังกฤษมาอย่างยาวนาน แต่ระยะหลังไม่ค่อยได้ยืนในตำแหน่งหลักเพราะมีปัญหาบาดเจ็บรบกวน

แต่อยู่ดีๆ Pep ก็ให้โอกาสเขาลงสนาม แต่กลับถูกจับลงเล่นในตำแหน่งแบ็กขวา และในระยะหลังขยับไปเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ และกลายเป็นนักเตะที่ช่วยให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก จนบางทีอาจได้เล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับในทีมชาติอังกฤษด้วยซ้ำ

Nathan Ake ปราการหลังชาวดัตช์ และ Manuel Akanji กองหลังชาวสวิสก็เช่นกัน ถูกโยกไปเล่นในตำแหน่งฟูลแบ็ก โดยที่ไม่จำเป็นต้องลงทุนไปที่นักเตะใหม่เพียงอย่างเดียว การสร้างสิ่งใหม่จากสิ่งเก่าคือจุดแข็งสำคัญของ Manchester City คว้า 3 แชมป์ในฤดูกาลนี้

Scroll to Top