
ถ้าหากจะใช้คำว่าต้นดีปลายร้ายก็น่าจะเหมาะสมกับสถานการณ์ของ Antonio Conte (คอนเต้) ได้มากที่สุด
เพราะตอนที่ Conte เข้ามาคุมทีม Tottenham Hotspur เมื่อตอนต้นเดือน พ.ย. 2021 คอนเต้ ถูกคาดหวังไว้สูงมาก เนื่องจากมีประสบการณ์โชกโชนในการคุมทีมหลายสโมสรไม่ว่าจะเป็น Juventus,Chelsea,Inter Milan และผลงานในการคุมทีมฤดูกาลแรกก็ทำได้ยอดเยี่ยมด้วยการพา “ไก่เดือยทอง” ติดท็อปโฟร์ และได้ไปเตะในศึก Champions League และยังผลักดันจน Son Heung-min คว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดร่วมกับ Mo salah
แต่ความทะยานอยากของกุนซือชาวอิตาเลียนไม่ใช่ว่าผู้บริหารสโมสรทุกแห่งจะสนองตอบเขา เมื่อได้ลงเล่นในบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปได้แล้ว Conte ก็อยากได้แรงสนับสนุนในการได้งบประมาณซื้อนักเตะเข้ามาเสริมความแกร่ง แต่ฝ่ายบริหาร Spurs ไม่ใช่ทีมจอมบุญทุ่มอย่างที่เขาเจอมา
เมื่อผู้บริหารไม่สนองตอบ เขาก็ไปเรียกร้องให้นักเตะที่มีอยู่รีดศักยภาพออกมาให้เต็มที่ และผลที่ออกมาไม่ได้อย่างที่ใจหวัง กุนซือชาวอิตาเลียนจึงเบรกแตกด่าออกสื่อวิจารณ์ทั้งผู้บริหารทีมแบบไม่ไว้หน้า การที่ Spurs สั่งปลดเขาจากตำแหน่งจึงไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด คำถามคือ จะหาใครมาแทนที่ต่างหาก

1. Julian Nagelsmann ตัวเต็งที่จะมาแทนที่ Conte
ในช่วงที่ คอนเต้ เจอมรสุมลูกใหญ่ที่ลอนดอน ประจวบเหมาะกับการมีฟ้าผ่าที่เยอรมนีเมื่อ Bayern Munich สั่งปลด Julian Nagelsmann พ้นตำแหน่งกุนซือและแต่งตั้ง Thomas Tuchel เข้ามาทำหน้าที่แทน และร้านรับพนันก็ตั้งราคาให้กุนซือวัย 35 ที่เพิ่งตกงานหมาดๆ กลายเป็นเต็ง 1 ที่จะมาคุม “ไก่เดือยทอง” แทน เพราะหวังว่า Nagelsmann จะกลายเป็นกุนซือหนุ่มที่นำความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาสู่ทีม เหมือนอย่างที่ Arsenal ได้ Mikel Arteta มาพลิกฟื้นสถานการณ์ของทีม
แต่ดูเหมือนว่าอดีตผู้จัดการทีม “เสือใต้” ยังคงสงวนท่าทีอยู่ในระดับหนึ่ง ถ้าจะมาก็อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นในเร็ววันนี้ บางทีอาจจะต้องรอถึงฤดูกาลหน้า

2. Mauricio Pochettino
ถ้าให้แฟนบอล Spurs เป็นคนเลือกผู้ที่จะมาใหม่ คาดว่า Mauricio Pochettino จะมีโอกาสมากที่สุด เพราะก่อนหน้านี้เขามีผลงานที่ยอดเยี่ยมในการคุมทีม “ไก่เดือยทอง” และผลงานก่อนจากไปก็คือการพาทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศศึก Champions League และเมื่อออกไปแล้วก็ได้ไปคุมทีมยักษ์ใหญ่อย่าง Paris Saint-Germain อีกต่างหาก

3. Roberto De Zerbi
หากจะมองถึงการสร้างทีมระยะยาว Spurs ก็ควรจะมองหาคนใหม่ ที่มีวิสัยทัศน์ก้าวไกล และ Roberto De Zerbi กุนซือของ Brighton ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เขาเข้ามาคุมทีมแทน Graham Potter ไม่เพียงผลงานของทีมจะไม่แผ่วลงไปเท่านั้นแต่กำลังไปฉิวมีลุ้นได้ไปเตะบอลถ้วยยุโรปในฤดูกาลหน้าด้วย หากแต่บอร์ดบริหารของ Brighton ก็คงขวางสุดตัวเพราะทีมกำลังไปด้วยดี และหากยอมเสียกุนซือฝีมือดีติดๆ กันอาจจะทำให้แผนการสร้างทีมพังทลายเอาได้ง่ายๆ

4. Brendan Rodgers
แม้ว่าผลงานของ “บีร็อด” ในฤดูกาลนี้จะดูย่ำแย่หนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเหตุผลสำคัญก็คือการขายนักเตะระดับบิ๊กเนมของทีมไปอย่างต่อเนื่อง และไม่ได้รับงบประมาณก้อนโตในการซื้อนักเตะใหม่มารวมทีมด้วยอีกต่างหาก แต่การแก้เกม แท็คติก การรีดศักยภาพของนักเตะยังถือว่า Rodgers ทำได้ดีพอสมควร

5. Luis Enrique
ต้องยอมรับว่า Spurs จำเป็นต้องยกระดับการเล่นของทีมตัวองขึ้นมาให้ได้ เพราะทีมระดับบิ๊กเนมใน Premiere League เสริมขุมกำลังกันอย่างจ้าละหวั่น และการเลือกกุนซือคนใหม่ยังจะเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้ Harry Kane เลือกว่าจะอยู่หรือย้ายทีม ทำให้ชื่อของ Luis Enrique ที่เพิ่งไขก๊อกลาผู้จัดการทีมชาติสเปนอยู่ในโผด้วย หากบอร์ดบริหารเลือก Enrique หมายความว่าจะต้องเตรียมงบประมาณในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมอีกด้วย