กองกลางถือว่าเป็นหัวใจหลักของการเล่นฟุตบอลอย่างมาก อ๋อนี่คือตำแหน่งที่จะต้องเชื่อมเกมรับและเกมรุกให้อยู่หมัด รวมไปถึงต้องมีความสามารถในการครองบอลสูง สามารถอ่านเกมได้ และยังต้องสามารถจ่ายบอลได้อย่างแม่นยำอีกด้วย ความสามารถเหล่านี้ล้วนมีอยู่ในนักเตะที่มีชื่อ Veron หนึ่งในตำนานกองกลางสัญชาติอาเจนตินาที่เคยมาค้าแข้งอยู่ในทีม “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เขาคือกองกลางคนสำคัญที่ถูกต้องความหวังว่าจะเข้ามาสร้างผลงานอันยอดเยี่ยมให้กับทีม แต่ เวรอน กลับไม่ประสบความสำเร็จตามความคาดหวังเอาไว้
เส้นทางนักเตะของ เวรอน เริ่มต้นตั้งแต่อายุยังน้อย เขาเกิดที่เมือง La Plata ประเทศอาร์เจนตินา เขาชอบเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก โดยมีไอดอลเป็นสุดยอดนักเตะอย่าง มาราโดน่า เหมือนกับเด็ก ๆ ในยุคนั้นนั่นเอง เขาเข้าเรียนตามหลักสูตรตามปกติ จนเมื่ออายุได้ 17 ปี ได้โอกาสเข้าไปฝึกกับชุดเยาวชนของสโมสร เดียนเตสเดลาพลา จากนั้นในปี 1994 ก็ถูกดันขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่ หนุ่มน้อยคนมีช่วยทีมให้ขึ้นมาเล่นลีกสูงสุดภายในประเทศได้ ทำให้โบคา จูเนียร์ส มองเห็นแววของ เวรอน จึงคว้าตัวมาร่วมทีมในปี 1996 ต่อมาได้ย้ายมาเล่นให้กับสโมสรซามพ์โดเรีย มีผลงานยอดเยี่ยมมากจนสามารถติดทีมชาติไปเตะฟุตบอลโลก 1998
และในปี 1998 สโมสรปาร์ม่า ซื้อตัวเขาไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์ ตอนนี้เองถือว่าเป็นร่างทองของ เวรอน เพราะช่วยทีมคว้าแชมป์โคปปา อิตาเลีย และยูฟ่า คัพ จนสโมสรลาซิโออดใจไม่ไหวต้องซื้อตัวไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 18.1 ล้านปอนด์ ความเก่งของเขาก็สามารถช่วยทีมคว้าแชมป์ทังกัลโช่เซเรีย อา, โคปปา อิตาเลีย และอิตาเลียน ซูเปอร์ คัพ

ต้องยอมรับว่าในช่วงที่ เวรอน ได้ค้าแข้งอยู่ในกัลโช่ เซเรียอา นั้นถือว่าเป็นฟอร์มเทพที่เหล่าแฟน “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ตั้งตารอการมาถึงของเขาเป็นอย่างมาก ในช่วงแรกเขาต้องใช้ความพยายามในการปรับตัวพอสมควรเลยทีเดียว ในช่วง 6 เดือนแรกกับแมนยูไนเต็ด หรือว่าเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุด เขาสามารถใช้ทักษะในการครองบอลและจ่ายบอลให้กับเพื่อนได้อย่างแม่นยำ แถมยังมีโอกาสขึ้นไปทำประตูได้ด้วยการยิงลูกระยะไกลอีกด้วย
แต่เมื่อเวลาผ่านไปทำให้เห็นว่าติดการเล่นบอลของเกาะอังกฤษนั้นมีความรวดเร็วมากกว่า จำเป็นจะต้องใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายเพิ่มขึ้น ทำให้ เวรอน ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเข้าฟิตเนสเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง แต่กลายเป็นว่าสกิลและความสามารถของเขาที่เขาได้สะสมมาตั้งแต่ในช่วงวัยรุ่น ค่อย ๆ เลือนลางหายไปจนแทบมองไม่เห็น
ด้วยค่าตัวอันมหาศาลจนเป็นสถิติของเกาะอังกฤษในขณะนั้น ทำให้ทุกสปอตไลท์จับตามองมาที่ Veron แต่กลายเป็นว่าเขาไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเล่นของบอลอังกฤษได้ แม้ว่าตอนนั้นจะมีสุดยอดกุนซืออย่าง เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน คอยให้กำลังใจ และให้คำแนะนำในการเล่นอยู่เสมอ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีความมั่นใจในการเล่นบอลอยู่เลย อาจจะมีจังหวะสวยงามที่สามารถต่อบอลให้กับเพื่อน ๆ ไปทำประตูได้อยู่บ้าง แถมยังมีแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2002-03 ติดตัวอยู่ด้วย

แต่โดยรวมแล้ว Veron ยังไม่สามารถสร้างความหวือวาให้กับแนวเกมในส่วนกลางเหมือนกับช่วงเวลาที่เล่นให้กับ ลาซิโอ ส่งผลให้ยิ่งเล่นยิ่งแย่จนเจ้าตัวจำเป็นจะต้องออกมายอมรับ ว่าเขาไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสไตล์การเล่นของบอลพรีเมียร์ลีกได้

ส่งผลให้ Veron ต้องถูกปล่อยตัวไปให้กับเชลซี ในช่วงฤดูกาล 2003-04 ด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์ มีโอกาสได้ลงเล่นไปแค่ 4 นัด แม้ว่าจะยิงเพื่อช่วยให้ทีมชนะลิเวอร์พูล ได้ แต่ก็ไม่สามารถสร้างความประทับใจให้กับแฟนบอลและผู้จัดการทีมได้มากนัก แถมในเวลาต่อมา เวรอน ถูกโหวตให้เป็นหนึ่งใน 50 นักเตะที่ย้ายตัวจากอิตาลีมาเล่นที่อังกฤษย่ำแย่ที่สุด รวมไปถึงสถิติค่าตัวรวมกันในการย้ายทีมแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ต่อมาด้วยการมาถึงของโค้ชอย่าง มูรินโญ่ ทำให้เขายิ่งไม่ได้โอกาสในการลงเล่นมากนัก

เขาจึงเลือกที่จะยืมตัวไปเล่นที่สโมสร อินเตอร์นาซิโอนาเล และ เอสตูเดียนเตส ด้วยสัญญาการยืมตัว กลายเป็นว่าเขาสามารถใช้ความสามารถของตัวเองช่วยให้ทีมมีผลงานที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จุดนี้เองถือว่าเป็นข้อตอกย้ำว่าสุดยอดนักเตะคนนี้ไม่น่าจะเหมาะกับฟุตบอลอังกฤษอย่างแท้จริง จากนั้นไม่นาน เวรอน ก็กลับมาเล่นที่บ้านเกิดในลีกอาร์เจนตินา ให้กับสโมสร Estudiantes ในฤดูกาล 2007-08 ค้าแข้งได้จนถึงปี 2016 เขาก็ประกาศแขวนสตั๊ดในฐานะนักเตะอาชีพ
แม้ว่า Veron จะใช้เวลาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ไม่นานนัก แต่ดูเหมือนว่าแฟน ๆ จะยังมีความทรงจำที่ยอดเยี่ยมกับสุดยอด Play maker คนนี้อยู่เสมอ เขาถือว่าเป็นกองกลางที่มีความทุ่มเทสูง สามารถช่วยทั้งเกมรุกและเกมรับได้เป็นอย่างดี เฉพาะเกมรุกนั้นเขามีเสน่ห์ในเรื่องของการหาช่องเปิดบอลให้กับเพื่อน ถือว่ามีความแม่นยำ เชื่อว่าหาก เวรอน สามารถปรับตัวได้เขาจะต้องเป็นสุดยอดตำนานกองกลางอีกคนหนึ่งของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอย่างแน่นอน การันตีได้จากรางวัลนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด 125 คนที่ยังมีชีวิตอยู่ของรายการฟีฟ่า 100 ในปี 2004 นั่นเอง